สุขภาพจิตมีความสำคัญมากและกลายเป็นปัญหาสุขภาพเบื้องต้นที่ส่งผลกระทบต่อประชากรส่วนใหญ่ รวมถึงผู้ที่อยู่ในชุมชนที่นับถือศาสนาด้วย เพื่อจัดการกับปัญหานี้ที่กำลังระบาดอยู่ในสังคมของเรา เราต้องหาวิธีในการรักษาสุขภาพจิตของเราให้อยู่ในสภาพที่มีชีวิตชีวา และเราต้องส่งเสริมสิ่งเหล่านี้อย่างต่อเนื่องในบ้านของเราเอง สุขภาพจิตรวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีทางอารมณ์ จิตใจ และสังคมของเรา ส่งผลต่อวิธีคิด ความรู้สึก และการกระทำของเรา นอกจากนี้ยังช่วยกำหนดวิธีจัดการกับความเครียด
สัมพันธ์กับผู้อื่น และตัดสินใจเลือก (MentalHealth.Gov, 2020)
การมีสุขภาพจิตที่ดีมีความสำคัญพอๆ กับการมีร่างกายที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์ลงลึกยิ่งกว่านั้น 3 ยอห์น 1:2 กล่าวว่า “ท่านที่รัก ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ท่านทั้งหลายไปดีและให้มีสุขภาพแข็งแรงเหมือนที่จิตวิญญาณของท่านไปได้ดี” สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือควรรักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณให้ดี เพราะสิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กันในหลายๆ ด้าน
วิธีวัดความผาสุกทางอารมณ์และจิตใจแบบง่ายๆ คือการจินตนาการถึงเส้นตรงที่มีมาตราส่วนตั้งแต่ด้านลบที่ปลายด้านหนึ่งและปลายอีกด้านหนึ่งที่ด้านบวกโดยความหดหู่ด้านด้านลบและความสุขด้านบวก มาตราส่วนขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้คนคิดและรู้สึกเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขา อาจเป็นคุณภาพของความสัมพันธ์ของพวกเขา อารมณ์ ความรู้สึก ความยืดหยุ่น การตระหนักถึงศักยภาพและระดับของการเติมเต็ม แม้กระทั่งความรู้สึกเติมเต็มในงานรับใช้ เมื่อรวมกันแล้วสิ่งเหล่านี้อาจถือเป็นการตัดสินระดับโลกเกี่ยวกับความพึงพอใจโดยรวมในชีวิต
สำหรับประชากรส่วนใหญ่ ที่เราระบุในระดับที่กำหนดคือที่ไหนสักแห่งที่อยู่ตรงกลางซึ่งบ่งบอกถึงความคิดที่สมดุล เราอาจถูกผลักดันไปสู่จุดจบที่เป็นลบมากขึ้นในวันที่เลวร้ายหรือเอนเอียงไปสู่ความสุขในวันที่ดี อย่างไรก็ตาม คนที่เรียนรู้ที่จะวางใจในพระเจ้ามักจะเอนเอียงไปสู่ความชื่นชมยินดีด้วยคะแนนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการตัดสินทั่วโลก ผู้ที่มีจิตใจว้าวุ่นมักพบว่าตัวเองเอนเอียงไปทางด้านลบ ทำให้จิตใจเสียสมดุล หดหู่ สิ้นหวัง พวกเขาพบว่าสถานการณ์ในชีวิตของพวกเขาวุ่นวายมาก เราต้องค้นหาความหมายและเนื้อหาในชีวิตเพื่อให้เราเติบโต เมื่อจิตใจของเราเอาแต่จมปลักอยู่กับสถานการณ์ที่เลวร้าย ร่างกายและวิญญาณของเราก็ได้รับผลกระทบในทางลบเช่นกัน
สุขภาพจิตสามารถส่งผลกระทบต่อคนทุกวัย มีรายงานว่า 10%
ของประชากรเด็กและเยาวชนรวมกันมีภาวะสุขภาพจิตที่สามารถวินิจฉัยได้ (มูลนิธิสุขภาพจิต, 2020) อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลัก ได้แก่ ประวัติความเจ็บป่วยทางจิตในครอบครัว ประสบการณ์ชีวิตการถูกทำร้าย การถูกปฏิเสธ หรือการพบเห็นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ ปัญหาการใช้สารเสพติดก็เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในปัจจุบันที่ก่อให้เกิดปัญหาทางจิต
ภาวะสุขภาพจิตเสื่อมโทรมสามารถสังเกตได้จากการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม คนที่มีปัญหาทางอารมณ์หรือจิตใจอาจมีแง่ลบต่อชีวิต พวกเขาร้องไห้ง่าย พวกเขากังวลมาก พวกเขาหวาดกลัว และมักจะวิตกกังวล พวกเขาอาจนอนไม่หลับหรือเบื่ออาหาร พวกเขาอาจเริ่มแยกตัวเองและมีแรงจูงใจน้อยลงจากสิ่งที่พวกเขาเคยหลงใหล พวกเขาอาจถอยกลับไปสู่พฤติกรรมที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (National Alliances on Mental Illness, nd)
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสุขภาพจิตเกี่ยวข้องกับสุขภาพทางจิตวิญญาณ เพราะความคิดที่ก่อปัญหามักจะถูกนำเข้ามาโดยวิญญาณที่ไม่ยอมให้อภัย ความเกลียดชัง ความเคียดแค้น ความขุ่นเคือง ความขมขื่น ทัศนคติที่น่าสงสัย และจิตวิญญาณที่ผิด ตามที่นางไวท์ สุขภาพจิตคือ “ความปลอดโปร่งของจิตใจ ประสาทที่สงบ จิตวิญญาณที่เงียบสงบเหมือนพระเยซู” (เบิร์ต, 2008) เธอกล่าวถึงปัญหาทางจิตว่าเป็นโรคที่พัฒนาขึ้นเมื่อจิตใจยอมจำนนต่อการกระตุ้นให้เกิดรูปแบบการคิดเชิงลบอย่างต่อเนื่องของปีศาจ ซาตานกำลังใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการครอบงำความคิดของเราและทำให้เราเป็นทาสด้วยการคิดลบ พระคัมภีร์เตือนเราใน 1 ยอห์น 4:1 ว่า “ท่านที่รัก อย่าเชื่อทุกวิญญาณ แต่จงทดสอบวิญญาณเพื่อดูว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกไปในโลกแล้ว” ในฐานะบิดาแห่งการโกหก ซาตานจะทำทุกอย่างเพื่อทำลายสันติของพระเจ้า’ ลูก ๆ และทำให้ความชื่นชมยินดีของเราในพระคริสต์ลดลง ความพยายามทั้งหมดในการฟื้นฟูและปกป้องสุขภาพจิตของเรานั้นไร้พลัง เพราะมีเพียงพระวิญญาณของพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถล้มล้างความคิดชั่วร้ายและ “ชำระน้ำพุแห่งชีวิต…เปลี่ยนจากบาปเป็นความบริสุทธิ์” (White as quoted by Burt, 2008, p. 11)
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> ดัมมี่ออนไลน์